Thursday, August 26, 2010

Mazda 2 อีกครั้ง By: Thunyaluk Seniwongs

ได้มีโอกาสได้ลองขับมาสด้า 2 ไปเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านไป แต่ยังไม่ได้เขียนเรื่องลงซักที เพราะเห็นว่ามีบทความที่คุณสารฑูล สักการเวช ได้ไปลองขับมาแล้ว ตัวเองก็เลยยังไม่รีบร้อนที่จะเขียน แล้วยิ่งกลุ่มเป้าหมายของรถน่าจะอายุไม่เกิน 30 ปี ก็ยิ่งไปกันใหญ่



ช่วงนี้กระแสมาสด้า 2 ก็ยังแรงไม่หยุด มีคนถามมาเยอะทีเดียว ก็ลองมาอ่านเรื่องที่ผู้หญิงลองขับรถบ้างนะคะ และอายุก็เกินกลุ่มเป้าหมายของรถเสียด้วย แต่ถ้าชอบจะขับเสียอย่างอายุก็อายุเถอะน่า “ฉันไม่แคร์สื่อ” (ตอนนี้คำนี้กำลังฮิตมากๆ เดี๋ยวจะตกเทรนด์)

การเล่าการขับรถในครั้งนี้ เล่าจากความรู้สึกที่สัมผัสได้จากการใช้รถ ซึ่งถ้าต้องการการทดสอบที่แท้จริงต้องรอฟังจากคุณธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่ได้ขับรถคันนี้เช่นกันค่ะ

มาสด้า 2 คันที่ขับเป็นคันสีขาว เครื่องยนต์ MZR 1,500 ซีซี. ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOCH) 4 สูบ 16 วาล์ว 103 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 135 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ ตอนแรกอยากได้คันสีแดงไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากชอบสีแค่นั้นเอง แต่เป็นเกียร์ธรรมดาก็เลยไม่เอา เพราะคิดว่าส่วนใหญ่ในตอนนี้นิยมขับเกียร์ออโตแมติค มากกว่าเกียร์ธรรมดา วันแรกที่ได้รถมาก็ขับเข้าไปย่านสุขุมวิทเพื่อไปซื้อเนื้อที่ร้าน Thai-French ช่วงนั้น Mazda 2 เพิ่งเปิดตัวใหม่ ทางมาสด้าสร้างกระแสดีมาก เวลาขับไปจะได้ยินคนบอกว่า นั่นไง Mazda 2 นั่งในรถก็เห็นคนชี้ชวนให้ดูกัน ที่แรกหลงภูมิใจนึกว่าดูคนขับ ที่ไหนได้ดูรถกัน เอ๊ะเป็นไปได้ไงเนี่ยะ

Mazda 2 คันที่เอามาขับเป็นตัวท็อป เปิดประตูรถโดยใช้นิ้วสัมผัสปุ่มสีดำตรงที่จับประตูโดยที่เก็บกุญแจไว้ใกล้ตัว ก็เปิดประตูได้แล้ว เวลาปิดก็ใช้มือแตะตรงปุ่มเดิม เวลาเปิดปิดเมื่อมือแตะจะได้ยินเสียงปี๊บ สำหรับท่านที่ไม่ค่อยมั่นใจว่าล็อครถแล้วยังเวลาแตะปิดแล้วคุณไปดึงประตูอีกครั้งก็ต้องระวังเพราะคุณอาจจะจะเปิดล็อคโดยไม่รู้ตัว



ครั้งแรกที่เข้าไปในรถก็รู้สึกถึงความกะทัดรัดภายในของรถ ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าคอนโซลทั้งตรงช่วงหน้าปัทม์ หรือในส่วนตำแหน่งของเกียร์ ปรับที่นั่งให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง ไม่ว่าจะใกล้ไกล สูงหรือต่ำ ปรับแบบปรับมือค่ะไม่มีระบบไฟฟ้า คาดเข็มขัด และปรับกระจกมองข้างและมองหลัง สตาร์ทรถโดยใช้มือบิดตรงปุ่มสตาร์ท โดยมีกุญแจอยู่ใกล้ตัว เมื่อสตาร์ทติดแล้วจะมีตัวแสดงอุณหภูมิของน้ำที่ไม่ยอมดับแต่อันอื่นๆดับไปแล้ว จนกว่าเครื่องจะร้อนก็ไม่นานค่ะ ไม่ต้องตกใจนะคะ

เราก็มีฉันเป็นคนขับ โดยมีคุณธเนศร์ เสนีวงศ์ ณอยุธยา นั่งด้านข้าง ส่วนเบาะหลังก็มีผู้โดยสารอีกหนึ่งคน โดยผู้โดยสารนั่งด้านหลังคุณธเนศร์ ผู้โดยสารคนนั้นสูง 180 ซม.ซึ่งฉันก็ได้ถามไปว่าที่นั่งแคบไปมั้ย หัวชนหลังคาหรือเปล่า

ก็ได้รับคำตอบว่านั่งได้สบายทีเดียวเพราะเป็นคนรูปร่างไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป ส่วนหัวก็ยังเหลือที่ว่างพอสมควร เราก็เลยออกเดินทางกัน เพื่อเข้าไปที่สุขุมวิทกัน การออกตัวรถก็ถือว่าทันใจ ถ้ากดคันเร่งรถก็พร้อมที่จะทะยานไป คันเร่งเบาออกตัวไม่มีการรอรอบหรือชะงักก่อนออกตัว พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า เบามือ ควบคุมได้ง่าย วงเลี้ยวแคบมากตอนกลับรถไม่ต้องใช้หลายเลน ว่างแค่เลนเดียวก็พอแล้วค่ะ เห็นทางมาสด้าบอกว่ารัศมีวงเลี้ยวเพียง 4.9 เมตร เบรกดีหยุดได้ทันใจ แต่ต้องมองรถหลังด้วยนะคะ ว่าเบรกเขาจะดีอย่างเราหรือเปล่า



มาสด้า2 มีปุ่มควบคุมชุดเครื่องเสียงที่พวงมาลัย เครื่องเล่น CD/MP3 ช่องAUX สำหรับพ่วงต่อ iPod พร้อม Immobilizer และสัญญาณกันขโมย ระบบเครื่องเสียงใช้ได้ทีเดียว



เราใช้เส้นทางบนทางด่วนเพื่อไปลงสุขุมวิท ก็เลยได้ใช้ความเร็วพอสมควร เสียงเครื่องยนต์เร้าใจดี เข้าโค้งก็เกาะโค้งได้ดีทีเดียว แต่การขับขี่ช่วงล่างไม่ได้นิ่มนวลเลยนะคะ จะพูดยังไงดีล่ะ คือเป็นรถที่ขับสนุกตัวรถสั้นๆ ขับไปเหมือนรถเป็นส่วนหนึ่งกับเรา จะหักพวงมาลัยเข้าเลนซ้ายเลนขวาได้แคล่วคล่องว่องไวดี ปรูด๊ปร๊าดปราดเปรียวดี เอาเป็นว่าการขับเหมือนรถสปอร์ตก็แล้วกัน ความคล่องตัวสูงเวลาทีขับในเมืองหน้าก็ไม่ยาวท้ายก็สั้น เข้าที่จอดรถก็จอดได้ลึกกว่าคันอื่น ล้างรถก็ง่ายดีนะคะ ถ้าล้างเองเพราะคันไม่ใหญ่มาก

วันรุ่งขึ้นเราเดินทางไปที่เขาใหญ่กันไปที่ ซับเศรษฐีเพราะมีบ้านอยู๋ที่นั่นและพรรคพวกจะไปพบปะสังสรรค์กันทีนั่นประมาณยี่สิบคน สัมภาระที่เอาไปมากทีเดียวยังงงอยู่เลยว่าใส่เข้าไปได้ยังไง ทำไมถึงจุแบบนี้ ออกจากกรุงเทพฯไปถึงปากช่องยังแวะซื้อของเพิ่มที่โลตัสปากช่องอีกนะคะ แต่คราวนี้ใส่ไว้ที่ที่นั่งด้านหลังเพราะเดินทางไปกันสองคน พอเดินทางไปถึงบ้านแม่บ้านที่ช่วยขนของลงยังพูดเลยว่า ทำไมถึงจุอย่างนี้ สำหรับท่านที่ชอบช้อปปิ้งก็ช็อปได้เลยเต็มที่ แต่อย่าซื้อตู้เย็นขนาด 15 คิวขึ้นไป หรือทีวีตั้งแต่ 25 นิ้วขึ้นไปนะคะ แต่ถ้าจอแบนน่าจะใส่ได้นะคะ คุณต้องลองดู เอ๊ะทำไมถึงห่วงเรื่องการขนสัมภาระมากขนาดนี้ ก็เผื่อคุณเดินทางสี่คนไงค่ะ และอีกอย่างผู้หญิงเวลาเดินทางจะมีสัมภาระมากกว่าผู้ชาย จริงมั้ยคะคุณผู้หญิง เบาะหลังพับได้ด้วยนะคะแบบ 60/ 40 ค่ะ เพื่อเพิ่มความกว้างในการใส่สัมภาระ

เสียดายอย่างเดียว ที่รถคันนี้ ไม่มีราวที่จับเหนือประตูที่นั่งด้านหลังทั้งสองข้าง ทำให้ไม่มีที่แขวนเสื้อผ้า ต้องพับใส่กระเป๋าทั้งหมด หรือวางพาดไว้บนสัมภาระ หรือเบาะหลัง

การขับรถบนถนนไฮเวย์หากต้องเร่งแซงต้องออกแรงมากหน่อย เพราะกำลังของเครื่องยนต์จะค่อยๆมา คุณต้องเตรียมตัวไว้ก่อนไม่ใช่นึกจะแซงก็แซงเลย ต้องคาดการณ์ด้วยนะคะว่าพ้นหรือเปล่า ตัวฉันเป็นคนขับรถค่อนข้างจะเร็วบางครั้งก็วิ่งไปถึง ความเร็ว160 โดยไม่รู้ตัวถ้าเมื่อไหร่ที่ถนนโล่ง เลยต้องตีขาตัวเองให้รู้ตัวเสียหน่อย

รถ Mazda 2 ก็คือเป็นรถที่ขับสนุกคล่องตัว คงไม่ต้องบอกนะคะว่าควรจะเป็นรถสำหรับวัยรุ่นหรือครอบครัวที่เพิ่งเริ่มต้น สำหรับท่านที่อายุไม่ใช่วัยรุ่นแต่ใจวัยรุ่นซะอย่างจะเป็นไรไป แต่ต้องนึกถึงสังขารเหมือนกันนะคะ เตือนตัวเองค่ะ

น้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในครั้งนี้อยู่ที่ 8.1 ลิตร / 100 กม. หรือ 12.35 กม./ ลิตร โดยความเร็วที่ใช้ก็ตั้งแต่ 80 ,120 ,140 และบางครั้งถึง 160 กม/ ชม.โดยวัดค่าการกินน้ำมันเฉลี่ยจากที่หน้ามาตรวัดน้ำมันรถ โดยเติมน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ E 10 ซึ่งรถคันนี้สามารถเติม E 20 ได้

ก่อนตัดสินใจซื้อลองไปขับดูก่อนซีคะ เขามีรถให้ลองขับ เราซื้อเสื้อผ้ายังต้องลองใส่ดูเลยใช่มั้ยคะ ว่าใส่ได้สวยเหมาะกับตัวเราหรือเปล่า เพราะบางคนใส่สวยแต่เราใส่แล้วไม่สวย ไปลองขับเลยค่ะ ว่าคุณชอบการขับขี่แบบนี้หรือเปล่า สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณตัดสินใจในการเลือกซื้อรถง่ายขึ้นค่ะ บางท่านบอกว่าถ้าไปลองขับขับนิดเดียวจะรู้อะไร ก็ต้องขอขับให้มากหน่อยซีคะ จะเป็นไรไป ขอให้สนุกในการเลือกซื้อรถนะคะ

No comments:

Post a Comment